ในปี 1936 หลินหนานเซิง ชายหนุ่มผู้เปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์ ได้เข้าร่วมการฝึกของสมาคม ฟู่ซิง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสืบสวนและต่อสู้กับพรรคใต้ดินของคอมมิวนิสต์ หลังจากผ่านการฝึกอันเข้มงวด หลินหนานเซิงได้รับคำสั่งให้เดินทางไปยัง เซี่ยงไฮ้ เมืองที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งทางการเมืองและการสู้รบ
ระหว่างปฏิบัติภารกิจในการจับกุมกลุ่มคอมมิวนิสต์ใต้ดิน หลินหนานเซิงเริ่มสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างอุดมการณ์ของตัวเองและความเสียสละที่กลุ่มคอมมิวนิสต์ทำเพื่อปกป้องประเทศชาติ ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวของสมาชิกพรรคใต้ดินทำให้เขาเกิดความลังเลในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
เมื่อเผชิญกับการรุกรานของกองทัพญี่ปุ่น หลินหนานเซิงเลือกที่จะยืนหยัดเคียงข้างคอมมิวนิสต์ เขาใช้สถานะและความไว้วางใจที่ได้รับจากกองทัพญี่ปุ่นในการช่วยเหลือกลุ่มใต้ดินและสนับสนุนพันธกิจของพรรคคอมมิวนิสต์อย่างลับๆ
ด้วยความกล้าหาญและความเสียสละของเขา หลินหนานเซิงกลายเป็นหนึ่งในสายลับที่สำคัญที่สุดในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของประเทศจีน เรื่องราวใน The Rebel (กบฏจารชน) ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความขัดแย้งและความรักชาติ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของตัวละครในยุคที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงและการเสียสละเพื่อชาติ