ในซีซั่นนี้ ความขัดแย้งระหว่าง มนุษย์ และ สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะความวุ่นวายภายในโลกของแวมไพร์ เมื่อองค์กร Authority ซึ่งเป็นกลุ่มปกครองแวมไพร์สูงสุด เข้ามามีบทบาทเพื่อควบคุมสถานการณ์ความแตกแยกและความวุ่นวายที่เกิดขึ้น
หลังจากเหตุการณ์จากซีซั่นก่อน บิล คอมป์ตัน (Stephen Moyer) และ เอริค นอร์ธแมน (Alexander Skarsgård) ถูกบังคับให้ร่วมมือกับ Authority เนื่องจากพวกเขาถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ทางการเมืองของเหล่าแวมไพร์ ขณะเดียวกัน ความเชื่อมโยงกับตำนาน ลิลิธ แวมไพร์ดั้งเดิมผู้ถูกยกย่องเป็นเทพเจ้า นำไปสู่ความเชื่อสุดโต่งและการแย่งชิงอำนาจที่ทำให้ความขัดแย้งในโลกแวมไพร์ทวีความโหดร้ายขึ้น
ซูกี้ สแต็คเฮาส์ (Anna Paquin) ต้องรับมือกับปัญหาหนักหน่วงเกี่ยวกับสายเลือดพิกซี่ของเธอ ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นจุดสนใจและเป้าหมายของทั้งสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติและศัตรูที่มืดมิด ในขณะเดียวกัน เธอต้องพยายามหาทางจัดการกับผลกระทบจากอดีตที่ตามมาหลอกหลอน
อลซิท เฮอร์โวซ์ (Joe Manganiello) มนุษย์หมาป่าสุดหล่อ ต้องกลับมารับตำแหน่งผู้นำฝูง หลังจากเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ภายในกลุ่มหมาป่า ซึ่งทำให้เขาต้องเผชิญกับแรงกดดันและความท้าทายครั้งใหม่ ด้าน แซม เมอร์ล็อตต์ (Sam Trammell) และ ลูน่า ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องลูกสาวจากการถูกตามล่าที่มีต้นเหตุมาจากโลกเหนือธรรมชาติ
ซีซั่นนี้ยังคงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น การห้ำหั่นระหว่างเผ่าพันธุ์ ความรุนแรงที่ผสมผสานกับเลือดสาด และฉากอันเร่าร้อนที่เป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์ พร้อมด้วยการเปิดเผยความลับใหม่ ๆ ที่ทำให้เรื่องราวซับซ้อนและน่าติดตามยิ่งขึ้น True Blood Season 5 เป็นอีกหนึ่งบทที่นำเสนอการต่อสู้ทางการเมืองของแวมไพร์ การหักหลัง การเสียสละ และความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนที่ทำให้ผู้ชมไม่อาจละสายตาได้