ในซีซั่นที่ 2 ของ Carnivàle ซีรีส์ยังคงดำเนินเรื่องในปี ค.ศ. 1934 ท่ามกลางบรรยากาศของ Dust Bowl และภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) ที่สร้างความทุกข์ยากให้กับชีวิตของผู้คนทั่วสหรัฐอเมริกา ซีซั่นนี้จะเน้นย้ำถึงความขัดแย้งระหว่าง เบน ฮอว์คกิ้นส์ (รับบทโดย Nick Stahl) และ บราเธอร์ จัสติน โครว์ (รับบทโดย Clancy Brown), ตัวแทนของพลังแห่งความดีและความชั่วร้ายที่ถูกชะตากรรมกำหนดให้ต้องเผชิญหน้ากัน
พล็อตหลัก หลังจากเหตุการณ์ในซีซั่นแรก เบนเริ่มเข้าใจถึงบทบาทของตัวเองในฐานะ “ครูเซเดอร์แห่งความดี” เขาต้องรับมือกับพลังพิเศษในการคืนชีวิตให้กับสิ่งที่ตายแล้ว ซึ่งยังคงเป็นทั้งพรและภาระในเวลาเดียวกัน เบนเดินหน้าค้นหาความจริงเกี่ยวกับต้นกำเนิดของพลังที่เขาได้รับ และวิธีที่จะใช้มันในการหยุดยั้ง บราเธอร์จัสติน
ขณะเดียวกัน บราเธอร์จัสติน ผู้ที่เริ่มต้นจากการเป็นนักบวชที่มุ่งช่วยเหลือผู้ยากไร้ในชุมชน กลับแสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานและอำนาจที่มืดมนมากขึ้น เขาเชื่อมั่นว่าตัวเองคือ “ผู้ถูกเลือก” เพื่อทำตามคำสั่งของสิ่งที่เขาเรียกว่า “พระเจ้า” แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่เขาทำนำพาเพียงความโกลาหลและความตาย
จุดเด่นในซีซั่นนี้ พลังที่เข้มข้นขึ้น: ซีซั่นที่ 2 เปิดเผยถึงต้นกำเนิดของพลังเหนือธรรมชาติทั้งของเบนและจัสติน โดยเชื่อมโยงกับเรื่องราวของ “Prophecy” และสงครามระหว่างความดีและความชั่วที่มีมานานหลายชั่วอายุคน การเผชิญหน้าครั้งใหญ่: เบนและจัสตินพบว่าชะตากรรมของพวกเขาไม่เพียงแต่เชื่อมโยงกัน แต่ยังมีผลกระทบต่อชะตากรรมของมนุษยชาติ การปะทะกันของทั้งคู่กลายเป็นจุดไคลแม็กซ์ของเรื่องราว ตัวละครที่ลึกซึ้ง: ตัวละครในคาร์นิวัลยังคงมีบทบาทสำคัญ เช่น โซเฟีย, ซามูเอล, และตัวละครอื่นๆ ในขบวนคาร์นิวัลที่พยายามช่วยเบนในการเดินทางสู่การทำลายความชั่วร้าย ธีมหลักของซีซั่น Carnivàle Season 2 นำเสนอเรื่องราวที่มืดมนเกี่ยวกับศรัทธา ความเชื่อ และการต่อสู้ในตัวมนุษย์ระหว่างความดีและความชั่วร้าย พร้อมกับการตั้งคำถามเกี่ยวกับความหมายของโชคชะตาและการเสียสละ
ซีซั่นนี้ยังคงเต็มไปด้วยบรรยากาศลึกลับและน่าติดตาม พร้อมการสำรวจด้านมืดของมนุษย์ที่แฝงอยู่ในโลกที่ดูเหมือนเรียบง่าย แต่กลับเต็มไปด้วยความลึกลับที่คาดไม่ถึง
